หัวข้อ
- #ภาวะโลกร้อน
- #ภัยพิบัติ
- #ไวรัส
- #การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
- #ชั้นดินเยือกแข็งถาวร
สร้าง: 2024-06-24
สร้าง: 2024-06-24 20:32
ล่าสุดจากสารคดีชุดไพรม์ไทม์ของ EBS "วิทยาศาสตร์" ที่ออกอากาศเรื่อง "ภัยพิบัติที่โลกเผชิญจากภาวะโลกร้อน" เป็นสารคดีที่เจาะลึกถึงผลกระทบของภาวะโลกร้อนที่มีต่อเรา การรับชมรายการนี้ทำให้ตระหนักได้อีกครั้งว่าภาวะโลกร้อนนั้นไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่เป็นภัยพิบัติร้ายแรงที่เรากำลังเผชิญอยู่ นี่คือบทความที่เขียนขึ้นโดยอ้างอิงเนื้อหาจากรายการ
ภาพชั้นดินเยือกแข็งถาวรที่ละลายเนื่องจากภาวะโลกร้อน: ภาพแคปเจอร์จากวิดีโอ YouTube
เมื่ออุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้น 1 องศาเซลเซียส จะทำให้เกิดภัยแล้งอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดการแปรสภาพเป็นทะเลทรายที่รุนแรงขึ้น และพืชและสัตว์บางชนิดที่ไม่สามารถปรับตัวได้จะเริ่มสูญพันธุ์ นี่คือขั้นตอนแรกของการที่สมดุลของระบบนิเวศของโลกเริ่มพังทลาย การทำลายระบบนิเวศเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในที่สุดจะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อมนุษย์เรา
หากอุณหภูมิเพิ่มขึ้น 2 องศาเซลเซียส ระบบภูมิอากาศของโลกจะพังทลาย ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมใหญ่และภัยแล้งรุนแรงบ่อยครั้ง และธารน้ำแข็งในอาร์กติกและกรีนแลนด์จะละลาย นอกจากนี้ยังทำให้สัตว์ในอาร์กติกเผชิญกับวิกฤตการสูญพันธุ์ และนำไปสู่ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ทำให้เมืองชายฝั่งถูกน้ำท่วม การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลจะทำให้ผู้คนหลายร้อยล้านคนเสียชีวิต ซึ่งจะก่อให้เกิดความวุ่นวายทางสังคมอย่างใหญ่หลวงทั่วโลก
เมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้น 3 องศาเซลเซียส จะทำให้เกิดพายุเฮอริเคนรุนแรง ส่งผลกระทบต่อการผลิตอาหาร ป่าฝนอเมซอนจะถูกทำลาย ทำให้สภาพแวดล้อมของโลกแย่ลงไปอีก และไม่เพียงแต่สัตว์ป่าเท่านั้น มนุษย์ก็จะต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคภัยไข้เจ็บและความอดอยาก การลดลงของการผลิตอาหารจะนำไปสู่ภาวะขาดแคลนอาหารทั่วโลก ซึ่งจะก่อให้เกิดความอดอยากและความไม่สงบทางสังคม
หากอุณหภูมิเพิ่มขึ้น 4 องศาเซลเซียส จะทำให้เกิดผู้ลี้ภัยจำนวนมากทั่วโลก ธารน้ำแข็งในแอนตาร์กติกาและชั้นดินเยือกแข็งในไซบีเรียจะละลายอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้ภูมิประเทศเปลี่ยนแปลง การละลายของชั้นดินเยือกแข็งจะทำให้ไวรัสโบราณที่ถูกกักขังอยู่ภายในเริ่มกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ซึ่งอาจทำให้เกิดภัยคุกคามจากโรคระบาดใหม่ๆ ต่อมนุษยชาติ
รายการได้เน้นย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงของชั้นดินเยือกแข็งเป็นพิเศษ ในเขตยาคุตสค์ของไซบีเรีย เกิดไฟป่าอยู่ตลอดฤดูร้อน และชั้นดินเยือกแข็งละลายทำให้ภูมิประเทศเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อสิ่งแวดล้อมของโลก และมีความเสี่ยงที่ไวรัสโบราณที่ถูกแช่แข็งอยู่จะกลับมา
※ ชั้นดินเยือกแข็ง = ดินหรือตะกอนใต้ทะเลที่คงอยู่ในอุณหภูมิต่ำกว่า 0°C (จุดเยือกแข็งของน้ำ, 32°F) อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 2 ปีขึ้นไป
รายการได้แนะนำการวิจัยเกี่ยวกับไวรัสโบราณที่พบในชั้นดินเยือกแข็งของไซบีเรีย ในปี 2014 ทีมวิจัยของศาสตราจารย์คลาร์เวพบไวรัสอายุ 30,000 ปีในดินเยือกแข็งของไซบีเรีย ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าอาจทำให้เกิดภัยคุกคามจากโรคระบาดใหม่ๆ ต่อมนุษยชาติ ในความเป็นจริงแล้ว ในปี 2016 แอนทรักซ์ได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งในคาบสมุทรยามาลของไซบีเรีย ทำให้กวางเรนเดียร์และผู้คนจำนวนมากติดเชื้อ
จากรายงานฉบับที่ 6 ของ IPCC พบว่าอุณหภูมิของโลกเพิ่มขึ้นเกือบ 1 องศาเซลเซียสในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุดในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา และเป็นผลมาจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างกว้างขวางนับตั้งแต่การปฏิวัติอุตสาหกรรม โลกที่เลยจุดวิกฤตไปแล้วทำให้การหมุนเวียนของความร้อน ไอน้ำ และคาร์บอนหยุดชะงัก ส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์ทางอากาศสุดขั้ว ซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตของสิ่งมีชีวิตจำนวนมาก
หลังจากรับชมสารคดีไพรม์ไทม์ "ภัยพิบัติที่โลกเผชิญจากภาวะโลกร้อน" แล้ว ผมรู้สึกได้ถึงความรุนแรงของปัญหาภาวะโลกร้อนอีกครั้ง รายการได้อธิบายปรากฏการณ์และภัยพิบัติที่เกิดจากภาวะโลกร้อนอย่างละเอียดโดยอาศัยข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ทำให้มีความน่าเชื่อถืออย่างมาก โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของชั้นดินเยือกแข็งและความเป็นไปได้ที่ไวรัสโบราณจะกลับมามีชีวิตอีกครั้งนั้นค่อนข้างน่าตกใจ และทำให้ผมตระหนักได้ชัดเจนว่าผลกระทบของภาวะโลกร้อนนั้นไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเท่านั้น
สารคดีเรื่องนี้ทำให้ผมตระหนักถึงความสำคัญของการตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาภาวะโลกร้อน และตระหนักว่าเราจำเป็นต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหานี้ ผมตั้งใจที่จะเริ่มต้นลงมือปฏิบัติจริงเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมและสร้างอนาคตที่ยั่งยืนตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ความคิดเห็น0